ผลงาน S N S D
ค.ศ.
2007-2008 : การเปิดตัวและอัลบั้มชุดแรก
ในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2007 เกิลส์เจเนอเรชันได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในรายการ
M!Countdown ทาง MNET อย่างไรก็ตามการแสดงในครั้งนั้นกลับไม่ได้ถูกเผยแพร่ทางโทรทัศน์
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งได้อัปโหลดการแสดงนั้นลงในอิน เทอร์เน็ต
โดยเพลงที่ใช้แสดงคือเพลง "Into the New World (다시 만난 세계)" ซึ่งถือเป็นซิงเกิลเปิดตัวของพวกเธอด้วย
วันที่ 27 กรกฎาคม 2007 รายการเรียลลิตี้โชว์แนะนำตัวของเกิลส์เจเนอเรชันในชื่อ
Girls Go to School นั้น
ได้ถูกเผยแพร่ทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก ทาง Mnet จำนวนทั้งสิ้น
9 ตอน มีเนื้อหาเกี่ยวกับสมาชิกแต่ละคนภายในวง
และการทำภารกิจเพื่อไปออกรายการ Mnet School of Rock ให้ได้ รายการนี้ถือเป็นการแนะนำตัวเกิลส์เจเนอเรชันให้เป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไป
ซิงเกิลแรกของเกิลส์เจเนอเรชัน "Into The New World (다시 만난 세계)" ได้ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 2007 โดยนอกจากซิงเกิลเปิดตัวแล้ว ยังมีเพลง "Beginning"
และเพลง "Perfect For You (소원)" ซึ่งในภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นเพลง
"Honey" ในอัลบั้มแรกของพวกเธอ "Girls'
Generation" รวมทั้งมีเพลง Into The New World (다시 만난 세계) ในรูปแบบของเพลงบรรเลงรวมอยู่ด้วย
เกิลส์เจเนอเรชัน เริ่มโปรโมตซิงเกิลของพวกเธอทันทีที่ออกวางจำหน่าย โดยในวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2007 พวกเธอได้ขึ้นแสดงในรายการ SBS
Inkigayo ซึ่งถือเป็นการแสดงทางโทรทัศน์ครั้งแรกและเป็นวันเดบิวต์อย่างเป็นทางการของ
พวกเธอด้วย ต่อมาในวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2007 เกิลส์เจเนอเรชันได้แสดงสดเป็นครั้งแรกใน Show! Music Core ทาง MBC โดยการแสดงในครั้งนั้นก็ได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นจำนวนมาก
และในวันรุ่งขึ้น พวกเธอก็ได้ขึ้นแสดงสดอีกครั้งใน Music Bank ทาง KBS ซึ่งก็ได้รับคำชมเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นไม่นานนัก ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 อัลบั้มแรกของเกิลส์เจเนอเรชันก็ได้ออกวางจำหน่าย
โดยมีเพลง "소녀시대 (Girls' Generation)" เป็นซิงเกิลหลัก การโปรโมตเริ่มต้นขึ้นทันทีในต้นเดือนพฤศจิกายน
และด้วยท่าเต้นที่น่ารัก ประกอบกับน้ำเสียงที่สดใส จึงส่งผลให้อัลบั้ม Girls'
Generation เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน โดยมียอดจำหน่ายมากกว่า 100,000
ชุด โดยในเดือนมกราคมของปีถัดมา
เกิลส์เจเนอเรชันก็เริ่มโปรโมตซิงเกิลที่ 2 ของพวกเธอ ในเพลง
"Kissing You" ซึ่งมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ก็ได้ดงแฮแห่งวงซูเปอร์จูเนียร์มาร่วมแสดงด้วย
นอกจากนี้แล้วมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ยังขึ้นเป็นอันดับ 1 ของ SBS Inkigayo, M.Countdown! และ KBS Music Bank อีกด้วย
ต่อมาในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2008 อัลบั้ม Repackage อัลบั้มชุดแรกของเกิลส์เจเนอเรชันได้ออกวางจำหน่าย
โดยมีเพลง Baby Baby เป็นซิงเกิลหลักในการโปรโมต
ค.ศ.
2009 : ปีของเกิลส์เจเนอเรชัน
ครึ่งปีแรกกับ
The 1st Mini Album : GEE
แม้ว่าจะโดนกระแสแอนตี้เป็นอย่างมากในช่วงปี
2008 แต่ในต้นปี 2009
เกิลส์เจเนอเรชันก็ได้ออกมินิอัลบั้มชุดที่ 1 โดยมีซิงเกิลโปรโมตชื่อว่า
Gee ทันทีที่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพลงไต่อันดับคว้าอันดับ
1 ได้ในหลายชาร์ต ก่อให้เกิดกระแส Gee Syndrome ไปทั้งประเทศ แม้แต่ในรายการ KBS Music Bank ซึ่งในขณะนั้น
SM กำลังมีข้อพิพาทกับ KBS ส่งผลให้เกิลส์เจเนอเรชันไม่สามารขึ้น
แสดงที่เวทีนี้ได้เป็นเวลา 3 สัปดาห์
แต่ก็สามารถคว้าอันดับที่ 1 มาได้แม้ไม่ได้ขึ้นเวที
ต่อมาหลังจาก SM เคลียร์ข้อพิพาทกับข้อพิพาทกับ KBS ได้แล้ว เกิลส์เจเนอเรชันจึงได้ขึ้นแสดงที่ Music Bank ในปลาย เดือนมกราคม และสามารถคว้าแชมป์ได้ 9 สัปดาห์ติดต่อกัน
ทำลายสถิติเพลง One More Time ของ Jewelry ที่ทำไว้ที่ 7 สัปดาห์ นอกจากนี้เกิลส์เจเนอเรชันยังสามารถครองแชมป์ที่รายการ
SBS Inkigayo ได้ ติดต่อกันถึง 3 ครั้ง
(ทางสถานี SBS กำหนดให้การเป็นแชมป์ติดต่อกันได้สูงสุดเพียง 3
ครั้ง)
กระแสความนิยมของเกิลส์เจเนอเรชันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
มีการเชิญเกิลส์เจเนอเรชันไปออกรายการต่างๆมากมาย จนเกิลส์เจเนอเรชันได้รับฉายาว่า
เกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติและขึ้นสู่ตำแหน่งเกิร์ลกรุ๊ปอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ได้ อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันแฟชั่นกางเกงยีนส์สีสันสดใสในเพลง Gee ก็กลายเป็นที่นิยมไปทั่วประเทศ
เกิลส์เจเนอเรชันสามารถทำยอดขายในชุดนี้ได้เกิน 100,000 ชุด แม้จะเป็นเพียงแค่มินิอัลบั้มเท่านั้น
ทั้งนี้ถือได้ ว่า SM Entertainment ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาดได้เป็นอย่างดี
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2009 เกิลส์เจเนอเรชันได้มาแสดงใน SM
Town Live'08 ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และนั่นทำให้พวกเธอได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย
และพวกเธอได้มาเมืองไทย อีกครั้งเพื่อร่วมแสดงในงาน Pattaya International
Music Fesitval 2009 ในเดือนมีนาคม
ครึ่งปีหลัง
(ช่วงแรก) กับ The 2nd Mini Album : Genie
เกิลส์เจเนอเรชันได้ยุติการโปรโมตในมินิอัลบั้มชุดแรกในเดือนมีนาคม
แต่หลังจากนั้นปลายเดือนมิถุนายน พวกเธอก็กลับมาพร้อมกับมินิอัลบั้มชุดที่ 2 ที่มีซิงเกิลโปรโมตชื่อว่า Tell Me
Your Wish (Genie) พร้อมลุคใหม่ชุดทหารกางเกงขาสั้น เพลง Tell
Me Your Wish นั้น ได้ปล่อยให้ฟังออนไลน์ในวันที่ 22 มิถุนายน 2552 ในเวลา 10 โมงเช้า
และหลังจากนั้นเพียงแค่ 1 ชั่วโมง 40 นาที
ก็สามารถพุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งในชาร์ตเพลง Cyworld ทันที
พวกเธอใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง
ในการเอาชนะเพลงทั้งหมดในชาร์ต แม้ว่ามินิอัลบั้มชุดนี้จะมีปัญหาเรื่องหน้าปกที่ผู้วิจารณ์ว่ามีการนำรูป
เครื่องบินรบมาใส่ไว้ตรงหน้าปก ทำให้ต้องมีการเลื่อนวางจำหน่าย และยังมีปัญหามีการละเมิดลิขสิทธิเพลงนี้ของนักร้องชาวอุซเบกิสถาน
(ซึ่งภายหลังได้รับการพิสูจน์และยืนยันจากต้นสังกัด และบริษัทเจ้าของซาวน์เพลงแล้วว่า
ฉบับของนักร้องชาวอุซเบกิสถานนั้นเป็นฉบับที่ละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ในกรณีของเกิลส์เจเนอเรชัน
ทาง SM Ent. ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย) แต่ Tell
Me Your Wish (Genie) ก็ไม่ได้ลดความร้อนแรงลง
โดยเฉพาะซิงเกิลนี้สามารถคว้าแชมป์ KBS Music Bank ด้วยสถิติคะแนนสูงสุดถึง
17,995 คะแนน เอาชนะสถิติเดิมเพลง Mirotic ของ TVXQ ที่ทำไว้ที่ 16,404 ไปได้
ขณะที่ยอดขายของมินิอัลบั้มชุดนี้ก็ทะลุ 100,000 แผ่นอีกครั้ง
(โดยใช้เวลาแค่เพียง 1 เดือนหลังจากวางขาย) นับเป็นศิลปินหญิงเพียงกลุ่มเดียวที่สามารถทำสถิติยอดขายเกินหนึ่งแสนชุดได้
ถึงสามอัลบั้มติดต่อกันเกิลส์เจเนอเรชันได้ยุติการโปรโมตมินิอัลบั้มชุดที่
2 หลังจากเริ่มโปรโมตได้ 8 สัปดาห์ และเมื่อวันที่
10 ตุลาคม 2009 ในงาน Dream
Concert 2009 พวกเธอก็ได้ลบกระแสแอนตี้ได้จากการที่โซวอนในงานหลายพันคน
เปิดแท่งไฟสีชมพูซึ่งเป็นสีประจำวง และส่งเสียงเชียร์เกิลส์เจเนอเรชันเป็นหนึ่งเดียว
คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรก
ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ปี 2009 ต้นสังกัดอย่าง SM Entertainment ได้ออกประกาศเกิลส์เจเนอเรชันกำลังจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งแรกใน
ชื่อ Girls’ Generation The 1st Asia Tour ‘Into The New World’ จัดที่สนามกีฬากรุงโซล เกาหลีใต้ในวันที่ 19-20 ธันวาคม
2009 และจะมีเอเชียทัวร์ตามเมืองต่างๆ ได้แก่ กรุงโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่น, กรุงเทพฯ ประเทศไทย และมหานครเซี่ยงไฮ้
ประเทศจีน โดยในวันแรกที่เปิดช็องบัตรที่เกาหลี
บัตรคอนเสิร์ตก็ได้หมดลงภายในเวลาแค่ 3 นาที
ค.ศ.
2010 : ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
ต้นปี:
อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 : Oh!
หลังจากที่ปี 2009 เกิลส์เจเนอเรชันได้สร้างกระแส Gee และ Genie จนโด่งดังเป็นอย่างมาก ไปจนถึงคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
ต้นสังกัด SM Entertainment จึงประกาศว่าเกิลส์เจเนอเรชันกำลังจะออกอัลบั้มเต็มชุดที่
2 ในชื่อ Oh! กับภาพลักษณ์ที่โตขึ้นกว่าเดิมที่ดูเปรี้ยวขึ้น
โดยมีกำหนด Comeback ในวันที่ 28 มกราคม
2010 และขึ้นเวทีเปิดตัวอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ในวันที่ 30 มกราคม 2010 โดยเมื่อทีเซอร์อัลบั้มนี้ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่
22 มกราคม เว็บไซต์ที่ปล่อยทีเซอร์นี้ออกมาถึงกับล่มเพราะมีผู้เข้าชมจำนวนมาก
และเมื่อเพลง Oh! ได้ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดเมื่อวันที่ 25
มกราคม เพลงนี้ก็สามารถขึ้นสู่อันดับ 1 ของชาร์ตเรียลไทม์ในเกาหลีในเวลาแค่
10 นาที ถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดของเกิลส์เจเนอเรชัน และหลังจากที่อัลบั้มชุดนี้วางขายได้แค่
1 เดือนก็สามารถทำยอดขายได้ทะลุ 120,000 แผ่นเลยทีเดียว
ในเดือนมีนาคม 2010 ต้นสังกัด SM Entertainment ได้ปล่อยภาพ Black Soshi ซึ่งได้ทิ้งปริศนาไว้ในท้าย
MV เพลง Oh! ซึ่งแบล็ค โซชิก็คือ คอนเซปต์หลักของอัลบั้ม
Repackage ของอัลบั้มชุดนี้ โดยที่เกิลส์เจเนอเรชันได้ปรากฏตัวในชุดสีดำสุดเซ็กซี่
โดยมีเพลงไตเติ้ลคือ Run Devil Run ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามไม่แพ้เพลง
Oh! ถึงแม้จะมีปัญหาจากการที่แอนตี้แฟนออกมากล่าวหาว่าก๊อปปี้เพลงของแคชช่า
ซึ่งต้นสังกัดอย่าง SM Entertainment ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ฉบับของแคชช่าเป็นแค่เพลง
Demo ซึ่งแคชช่าร้องไกด์ให้ผู้ที่สนใจซื้อลิขสิทธิ์ไปใช้ ส่วนของเกิลส์เจเนอเรชันเป็นฉบับจริงที่นำออกมาโปรโมทจริงๆ
อย่างไรก็ตาม Run Devil Run ก็เหมือนกับ Tell Me Your
Wish (Genie) คือ ไม่ได้ลดความร้อนแรงและโด่งดังลงไปเลย
กลางปี:
โปรโมตอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่น
หลังจากสิ้นการโปรโมทอัลบั้มเต็มชุดที่
2 แล้ว SM
Entertainment ต้นสังกัดที่วางแผนให้ เกิลส์เจเนอเรชัน เตรียมเดบิวต์โปรโมตที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ
ในการเดบิวต์ที่ญี่ปุ่น เกิลส์เจเนอเรชันได้เซ็นสัญญากับ NAYUTAWAVE
RECORDS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Universal Music Japan โดยใช้ชื่อว่า '少女時代' (อ่านว่า โชว-โจ-จิ-ได) ซึ่งวันที่ 11 สิงหาคม ได้เปิดตัวด้วย DVD ชุด 少女時代到来~初来日記念盤 (New
Beginning of Girls' Generation) อีกทั้งจะมีงานโชว์เคส คอนเสิร์ตในวันที่ 25 สิงหาคม
ที่ Ariake Coliseum ในกรุงโตเกียว ซึ่งจัดแสดงอยู่ 3
รอบด้วยจำนวนผู้ชมกว่า 21,000 คน ตามด้วยวันที่
8 กันยายน ซิงเกิลเดบิวต์ Tell Me Your Wish (Genie) เวอร์ชันญี่ปุ่น โดยสามารถทำยอดจำหน่ายการได้เกิน 100,000 แผ่น และในวันที่ 20 ตุลาคม ก็ได้ปล่อย
ซิงเกิลชุดที่ 2 Gee เวอร์ชันญี่ปุ่น ซึ่งเรียกกระแสตอบรับทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลกอย่างล้นหลาม
นอกจากนี้กระแสตอบรับการเดวบิวต์ที่ญี่ปุ่นของเกิลส์เจเนอเรชัน ยังเป็นที่ฮือฮาในประเทศไต้หวัน
จนเป็นกระแส โซชิซินโดรม ซึ่งเพลง Genie ได้ขึ้นไปติดที่
1 ของชาร์ตเพลงในไต้หวันถึง 2 ชาร์ตเลยทีเดียว
ปลายปี:
มินิอัลบั้มชุดที่ 3 : Hoot (훗)
ในวันที่ 27 ตุลาคม ทาง SM Entertainment ได้ปล่อยมินิอัลบัมชุดที่ 3 ในชื่อ Hoot (훗) โดยได้ปล่อยซิงเกิล Hoot
ในวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 10.00 น. ทางเว็บไซต์เพลงออนไลน์ โดยหลังจากปล่อยซิงเกิลนี้ไม่ถึง 7 นาที ก็ได้ทะยานขึ้นไปใน 7 ชาร์ตเพลงหลักของเกาหลี
วันรุ่งขึ้น SM Entertainment ก็ได้ปล่อยมิวสิกวิดีโอ เพลง Hoot
ทางหน้าแรกของ SM และทาง Youtube โดยมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ยังได้ ซีว็อน วงซูเปอร์จูเนียร์ มาร่วมแสดงด้วย ต่อมา
ในไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากที่ปล่อยมิวสิกวิดีโอไป ก็มียอดผู้ชมมากกว่า
1 ล้านครั้งใน Youtube
2011
ซิงเกิลญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว:
Mr.Taxi
เดือนมกราคมปี 2011 Universal Music ต้นสังกัดในญี่ปุ่นได้ปล่อยดิจิตอลซิงเกิลใหม่คือเพลง
Run Devil Run ในเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น
โดยปล่อยในลักษณะ Ringtone และในเดือนมีนาคม
Universal Music ก็ประกาศว่าเกิลส์เจเนอเรชันจะปล่อยซิงเกิลภาษาญี่ปุ่นอย่างเต็มตัวในชื่อ
Mr.Taxi โดยมีเพลง Run Devil Run เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย ในวันที่ 13 เมษายน
แต่เนื่องจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ส่งผลให้การวางจำหน่ายซีดีซิงเกิลต้องเลื่อนออกไป โดยได้ปล่อยดาวน์โหลดเพลง
Mr.Taxi และปล่อย MV เพลง Run
Devil Run เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นออกมาในช่วงกลางเดือนเมษายน และมีกำหนดวางแผ่นซีดีซิงเกิลในวันที่
27 เมษายน
อัลบั้มเต็มภาษาญี่ปุ่นชุดแรก:
Girls' Generation
ในเดือนมิถุนายน เกิลส์เจเนอเรชันได้วางจำหน่ายอัลบั้มเต็มภาษาญี่ปุ่นชุดแรกในชื่อ
Girls’ Generation โดยเมื่ออัลบั้มชุดนี้วางแผงไปได้ไม่ถึง 3
สัปดาห์ก็ทำยอดขายทะลุ 100,000 แผ่นและทำยอดขายทะลุ
300,000 แผ่นในเวลาเพียง 1 เดือนเศษ โดยในอัลบั้มชุดนี้ประกอบไปด้วย
12 เพลงรวมทั้งเพลง Mr.Taxi, Genie Gee, Run Devil
Run รวมถึงเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นของเพลง Hoot และเพื่อเป็นการโปรโมตอัลบั้ม
เกิลส์เจเนอเรชันได้จัดทัวร์คอนเสิร์ตในชื่อ Girls' Generation The 1st Japan Arena Tour ขึ้นใน 6 เมืองทั่วญี่ปุ่นคือ
โอซากา, ไซตะมะ, โตเกียว, ฮิโรชิม่า, นาโกย่า และฟูกูโอกะ
ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
คอนเสิร์ตเอเชียทัวร์ครั้งที่
2
หลังจากสิ้นสุดการทัวร์คอนเสิร์ตในญี่ปุ่น
ต้นสังกัดที่เกาหลีอย่าง SM Entertainment ก็ได้ประกาศว่าเกิลส์เจเนอเรชันจะจัดคอนเสิร์ตเอเชียทัวร์ครั้งที่
2 ในชื่อ 2011 Girls' Generation Tour โดยเริ่มที่เกาหลีใต้ในวันที่ 23-24 กรกฎาคม ต่อด้วยประเทศไต้หวันในวันที่ 9-11 กันยายน
ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 9-10 ธันวาคม เกาะฮ่องกงในวันที่ 15
มกราคม 2012 ก่อนจะปิดท้ายที่ประเทศไทยในวันที่
12 กุมภาพันธ์ 2012 โดยเพลงส่วนใหญ่ในคอนเสิร์ตจะเป็นเพลงที่ใช้ในการแสดงคอนเสิร์ต
Japan Arena Tour
อัลบั้มเต็มชุดที่
3: The Boys
ในช่วงเดือนสิงหาคม SM Entertainment ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าในต้นเดือนตุลาคม
เกิลส์เจเนอเรชันจะกลับสู่วงการเพลงเกาหลีอีกครั้งกับอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 โดยภาพทีเซอร์ภาพแรกได้ถูกปล่อยออกมาเมื่อปลายเดือนกันยายน โดยเป็นรูปของแทย็อนในมาดเจ้าหญิงแสนเศร้า
และได้เปิดเผยชื่ออัลบั้มชุดนี้ซึ่งใช้ชื่อว่า The Boys หลังจากนั้นจึงทยอยปล่อยภาพของสมาชิกคนอื่นๆ โดยคอนเซปต์ของอัลบั้มนี้คือ
Worldwide โดยเกิลส์เจเนอเรชันจะมาในมาดเจ้าหญิง 9 คนที่แตกต่างกันไปตามคอนเซปต์ของแต่ละคน โดยเพลงโปรโมทชื่อเดียวกันนี้จะมี
2 เวอร์ชันคือภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษ ซึ่งได้โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันชื่อดังอย่าง
Teddy Riley ผู้ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินชื่อดังอย่าง
Michael Jackson มาร่วมเขียนเนื้อร้องและโปรดิวซ์เพลงให้
ในตอนแรก SM มีแผนจะวางแผงอัลบั้มในวันที่ 5 ตุลาคม แต่เมื่อวันที่ 30 กันยายน ต้นสังกัดได้ตัดสินใจเลื่อนการวางแผงและ
Comeback เนื่องจากต้นสังกัดวางแผนว่าจะวางจำหน่ายอัลบั้มนี้ในสหรัฐอเมริกาอย่างเป็น
ทางการ โดยในที่สุด The Boys อัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ของเกิลส์เจเนอเรชันก็ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม
โดยทันทีที่ปล่อยมิวสิกวิดีโอใน YouTube 4 วันก็มียอดการคลิกเข้าชมสูงกว่า
10 ล้านครั้ง และหลังจากวางขายอัลบั้มไปไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 200,000 แผ่น ถือเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มแรกของเกาหลีที่สามารถทำยอดขายอัลบั้มได้สูง
ขนาดนี้ และจนถึงปัจจุบัน อัลบั้ม The Boys ก็สามารถทำยอดขายได้กว่า
400,000 แผ่น
หลังจากนั้นในวันที่ 27 พฤศจิกายน SM Entertainment ได้ประกาศเตรียมออกจำหน่ายอัลบั้มเวอร์ชัน B ของ The
Boys ในชื่อ Mr.Taxi โดยใช้เพลง Mr.Taxi
เวอร์ชันภาษาเกาหลีเป็นซิงเกิลหลักในการโปรโมต อัลบั้ม
Mr.Taxi ได้ออกวางจำหน่ายในวันที่ 8 ธันวาคม
โดยในอัลบั้มนี้ได้เพิ่มเพลง The Boys เวอร์ชันภาษาอังกฤษลงในอัลบั้มด้วย
2012
เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สหรัฐอเมริกา
จากการที่ต้นสังกัด SM Entertainment ได้ตัดสินใจวางขายอัลบั้ม The
Boys อัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ของเกิลส์เจเนอเรชันอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา
ทางต้นสังกัดจึงวางแผนให้พวกเธอได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา โดยเกิลส์เจเนอเรชันได้เซ็นสัญญาภายใต้สังกัด
Interscope Records ซึ่งเป็นต้นสังกัดของศิลปินชื่อดังอย่าง
Lady Gaga โดยเมื่อวันที่ 31 มกราคม
เกิลส์เจเนอเรชันได้เดบิวต์ที่อเมริกาอย่างเป็นทางการในรายการ Late Show
with David Letterman รายการทอล์คโชว์ชื่อดังในช่วง Late
Night ของอเมริกา โดยซิงเกิลเดบิวต์ที่อเมริกาของพวกเธอก็คือเพลง The
Boys ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ และในวันรุ่งขึ้น เกิลส์เจเนอเรชันก็ได้ขึ้นแสดงในรายการ
Live! with Kelly ซึ่งเป็นรายการตอนเช้าชื่อดังของอเมริกา
ถือว่าพวกเธอเป็นกลุ่มศิลปินจากเกาหลีใต้กลุ่มแรกที่ได้ขึ้นเวทีในราย การทอล์คโชว์ชื่อดังทั้ง
2 รายการนี้
กลุ่มย่อย
ในวันที่ 19 เมษายน SM Entertainment ต้นสังกัดในเกาหลีได้ประกาศว่าเกิลส์เจเนอเรชันจะเปิดตัวกลุ่มย่อยอย่างเป็น
ทางการ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 3 คนคือ แทย็อน, ทิฟฟานี และซอฮย็อนในนาม แททิซอ (อังกฤษ: TaeTiSeo) หรือ เกิลส์เจเนอเรชัน ทีทีเอส
(อังกฤษ: Girls' Generation-TTS) ทีเซอร์แรกของยูนิตได้ถูกเผยแพร่ใน
YouTube เมื่อวันที่ 26 เมษายน โดยเป็นทีเซอร์ของแทย็อน
ตามด้วยทิฟฟานีเมื่อวันที่ 27 เมษายน และปิดท้ายด้วยซอฮย็อนเมื่อวันที่
28 เมษายน
เมื่อวันที่ 29 เมษายน SM Entertainment ได้ปล่อยดาวน์โหลดมินิอัลบั้มชุดนี้ผ่านทาง iTunes และในวันเดียวกันนี้
SM Entertainmet ก็ได้ปล่อยซิงเกิล Twinkle ให้ดาวน์โหลดผ่านเว็บไซต์ต่างๆในเกาหลี โดยทันทีที่ปล่อยให้ดาวน์โหลดเพลงนี้
เพลง Twinkle ก็สามารถขึ้นอันดับ 1 ของทุกชาร์ตในเกาหลีในเวลาเพียง
1 ชั่วโมง และตัวอัลบั้มที่ปล่อยให้ดาวน์โหลดผ่าน iTunes
ยังสามารถขึ้นอันดับ 2 ในชาร์ต American
iTunes Pop Album และอันดับ 4 ในชาร์ต iTunes
Top Album อีกด้วย
เมื่อวันที่ 30 เมษายน SM Entertainment ก็ได้ปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลง Twinkle ผ่านทาง YouTube
ซึ่งในมิวสิกวิดีโอนี้ได้แบคฮย็อน, ชานยอล,
ไค และเซฮุนจาก EXO มาร่วมแสดง โดยทันทีที่ปล่อยมิวสิกวิดีโอไป 3
วันก็มียอดผู้คลิกเข้าชมกว่า 5,000,000 ครั้ง
และเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม มินิอัลบั้ม Twinkle ก็ได้ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยทันทีที่วางจำหน่ายไป 2 วันก็สามารถทำยอดขายได้กว่า 24,000 แผ่น และถึงแม้ว่าจะไม่ได้โปรโมตอย่างเป็นทางการที่อเมริกา
แต่ Twinkle ก็สามารถขึ้นชาร์ต US Billboard 200 ในอันดับที่ 126 อีกทั้งยังสามารถขึ้นสู่อันดับ 1
ของชาร์ต Billboard's World Album และอันดับ 2
ของ Billboard Heatseekers อีกด้วย
อัลบั้มเต็มภาษาญี่ปุ่นชุดที่
2: Girls' Generation II ~Girls &
Peace~
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม SM Entertainment ได้ปล่อยทีเซอร์ซิงเกิลภาษาญี่ปุ่นเพลงใหม่ Paparazzi โดยหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ปล่อยมิวสิกวีดีโอเพลงนี้ใน 2 รูปแบบคือเวอร์ชันปกติและ Dance Version ซิงเกิลอัลบั้ม
Paparazzi ได้ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนและสามารถทำยอดขายในสัปดาห์แรกถึง 92,000 แผ่น
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม Nayutawave Record ได้วางจำหน่าย DVD และ Blu-Ray รวมมิวสิกวีดีโอของเกิลส์เจเนอเรชันในชื่อ Girls' Generation
Complete Video Collection ซึ่งเป็นการรวมมิวสิกวีดีโอทั้งเพลงภาษาญี่ปุ่นและเกาหลี
และมีการประกาศถึงการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่ 2 ในญี่ปุ่นซี่งจะเริ่มในปี
2013
เมื่อวันที่ 26 กันยายน
ได้มีการวางจำหน่ายซิงเกิลภาษาญี่ปุ่นลำดับที่ 5 Oh!/All My Love is For
You ซึ่งเป็นการนำเพลง Oh! มาแปลงเป็นเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นพร้อมเพลงใหม่
All My Love is For You มิวสิกวีดีโอเพลง All My Love
is For You ได้ถูกอัปโหลดลงในเว็บไซต์ YouTube เมื่อวันที่ 4 กันยายน ส่วนเพลง Oh! เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นได้ถูกอัปโหลดลง YouTube เมื่อวันที่
14 กันยายน ซิงเกิลอัลบั้ม Oh!/All My Love is For
You สามารถทำยอดขายในสัปดาห์แรกได้ 60,000 แผ่น
และสามารถขึ้นสู่อันดับ 1 ของ Oricon Weekly Single
Chart ได้ ในขณะที่ DVD Complete Video Collection สามารถทำยอดขายได้ 59,000 ชุด
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม
มีการประกาศถึงซิงเกิลภาษาญี่ปุ่นลำดับที่ 6 ของเกิลส์เจเนอเรชันซึ่งจะใช้ชื่อว่า
Flower Power พร้อมประกาศเกี่ยวกับอัลบั้มเต็มภาษาญี่ปุ่นชุเที่
2 ของเกิลส์เจเนอเรชันว่าจะวางจำหน่ายหลังจากวางจำหน่ายซิงเกิลอัลบั้ม
Flower Power ประมาณ 1-2 สัปดาห์
โดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม มิวสิกวีดีโอเพลง Flower
Power ก็ได้ถูกอัปโหลดลงเว็บไซต์ YouTube หลังจากนั้นในวันที่
1 พฤศจิกายน Sankei Sports หนังสือพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นได้สิทธิ์ในการเผยแพร่ภาพคอนเซปต์ของอัลบั้ม
เต็มภาษาญี่ปุ่นชุดที่ 2 ของเกิลส์เจเนอเรชันซึ่งใช้ชื่อว่า Girls'
Generation II ~Girls & Peace~ โดยเกิลส์เจเนอเรชันจะมาในคอนเซปต์แอร์โฮสเตสของสายการบิน
Air GG (สายการบินสมมติ)
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ซิงเกิลอัลบั้ม Flower
Power ก็ได้ออกวางจำหน่าย หลังจากนั้นเพียง 1 สัปดาห์
ในวันที่ 28 พฤศจิกายน อัลบั้ม Girls' Generation II
~Girls & Peace~ ก็ได้ออกวางจำหน่าย โดยนับตั้งแต่ออกวางจำหน่าย
อัลบั้มชุดนี้สามารถทำยอดขายได้กว่า 154,000 แผ่น
และเพื่อเป็นการโปรโมตอัลบั้ม เกิลส์เจเนอเรชันจะจัดทัวร์คอนเสิร์ตในชื่อ Girls'
Generation 2nd Japanese Tour ขึ้นใน 7 เมืองทั่วญี่ปุ่นคือ
โกเบ, ไซตะมะ, นิงะตะ, ฟูกูโอกะ, ฮิโรชิมา, โอซากา
และนาโกยา
2013
อัลบั้มเต็มชุดที่
4: I Got A Boy และ
คอนเสิร์ตครั้งที่ 2 ในญี่ปุ่น
ตลอดปี 2012 มีกระแสข่าวว่าเกิลส์เจเนอเรชันจะกลับคืนสู่วงการเพลงเกาหลีแบบครบ
9 คนในช่วงเดือนตุลาคมปี 2012 แต่ในที่สุดพวกเธอก็ไม่ได้
Comeback สู่วงการเพลงเกาหลีแต่อย่างใด จนเมื่อวันที่ 16
พฤศจิกายน 2012 มีการประกาศถึงการ Comeback
ของเกิลส์เจเนอเรชันว่าพวกเธอจะออกอัลบั้มภาษาเกาหลีในช่วงเดือนมกราคมปี
ค.ศ. 2013 หลังจากนั้นในวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ก็ได้มีการยืนยันว่าพวกเธอกำลังเตรียมงานสำหรับอัลบั้มภาษาเกาหลีชุดใหม่
จริง โดยอัลบั้มจะมาในรูปแบบอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 อย่างไรก็ตาม
SM Entertainment ก็ไม่ได้ยืนยันว่าพวกเธอจะกลับมาในเดือนมกราคมตามกระแสข่าวลือ
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2012 SM Entertainment ก็ได้การอัปโหลดรูปบน Facebook
อย่างเป็นทางการของค่าย โดยเป็นรูปโลโก้ที่เขียนภาษาเกาหลีว่า
"소녀시대"
(โซนยอชิแด) พร้อมกับตกแต่งด้วยดอกมูกุงฮวา (무궁화) หรือ Rose of
Sharon ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติเกาหลีอยู่รายล้อม และปีกนางฟ้าสองปีก
ด้านล่างมีตัวเลขเขียนว่า 2012.12.21 10 AM สร้างความสงสัยให้กับแฟนคลับว่าจะเกี่ยวข้องกับการ
Comeback ของพวกเธอหรือเปล่า
จนในที่สุด ในวันรุ่งขึ้น (21 ธันวาคม 2012) เมื่อเวลา
10.00น. ตามเวลาของประเทศเกาหลีใต้ SM Entertainment ได้เปิดตัวมิวสิกวีดีโอซิงเกิล Dancing Queen ซึ่งป็นเพลงรีเมคจากเพลง Mercy ของ Duffy
โดยนำมาปรับปรุงใหม่ในสไตล์น่ารักแบบฉบับของเกิลส์เจเนอเรชัน ซึ่งมิวสิกวีดีโอเพลงนี้ได้ถ่ายทำและบันทึกเสียงไปตั้งแต่ปี
2008 เพื่อใช้เป็นเพลงโปรโมตอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ของเกิลส์เจเนอเรชันในขณะนั้น แต่ท้ายที่สุด SM Entertainment ก็ได้ตัดสินใจยกเลิกโปรเจกต์อัลบั้มนี้และเปลี่ยนแผนการปล่อยอัลบั้มและทำ กิจกรรมเป็นมินิอัลบั้มชุดที่
1 Gee แทน
และในช่วงท้ายมิวสิกวีดีโอก็มีทีเซอร์ของเพลงใหม่คือเพลง I Got A Boy
ซึ่งจะเป็นซิงเกิลหลักในการโปรโมตอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 I
Got A Boy โดยอัลบั้มชุดนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1
มกราคม
และในที่สุดในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2013 พวกเธอก็ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดที่ 4
"I Got A Boy" โดยเพียงปล่อยออกมา 1 เดือนสามารถทำยอดขายอัลบั้มได้ถึง 265,000 แผ่น และสามารถทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งของ
Gaon album chart และ Billboard's album charts ส่วนมิวสิควีดีโอซึ่งได้ปล่อยให้คลิกเข้าชมผ่านเว็บไซต์ YouTube นั้นก็มียอดการคลิกเข้าชมเกิน 1 ล้านครั้งภายในเวลาไม่ถึง
24 ชั่วโมง และทะลุหลัก 30 ล้านครั้งในเวลาไม่กี่สัปดาห์
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 2013 เกิลส์เจเนอเรชันได้ทำการวางจำหน่ายอัลบั้ม Remix
ของเพลงภาษาญี่ปุ่นของพวกเธอในชื่อ Girls' Generation Best Selection Non Stop Mix
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น